หลังจากตอนที่แล้ว เราได้เขียนถึงประวัติกันพลาไว้ ถึงปี 1998 ในตอนนี้เราจะมาเล่าต่อจากตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการอย่างไรบ้าง ไปอ่านกันต่อได้เลย
1999 การฉลองครบรอบ 20 ปีของกันดั้มวนมาถึงอีกครั้ง ในปีนี้โปรเจ็กต์ “Turn A Gundam” ก็ได้อุบัติขึ้น และความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเรื่องของแมคคานิคดีไซน์ ซึ่งได้มีการเชิญ Syd MEAD (ซิก มี้ด) มือออกแบบแมคคานิคดีไซน์ชาวอเมริกาซึ่งโด่งดังมาจากการออกแบบแมคคานิ คในภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner มาเป็นผู้ออกแบบให้ แม้ว่าจะรูปแบบของแมคคานิคที่ซิก มี้ดออกแบบมาจะมีความพิสดารเพียงใด ทาง BANDAI ก็ยังคงแปลงให้มันออกมาในรูปแบบกันพลาได้เสมอ ซึ่งนอกจากสินค้าจากซีรีส์ Turn A แล้ว ในปีนี้ทาง BANDAI ยังได้มีการเปิดตัวสินค้าซีรีส์ใหม่อย่าง HGUC (High Grade Universal Century) โดยสินค้าซีรีส์นี้จะเน้นการนำเอากันพลา สเกล 1/144 ที่เคยออกไปแล้วมาทำใหม่ ให้สามารถออกแอคชั่นได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะโมบิลสูทจากซีรีส์ Z Gundam และ ZZ Gundam ซึ่ง ในสมัยก่อนไม่สามารถทำได้มาทำการออกแบบใหม่ แต่ในปัจจุบันก็ไม่ได้มีการเน้นเฉพาะเจาะจงลงไปแบบนั้นมากนัก ขอแค่ว่าเป็นโมบิลสูทที่ขึ้นชื่อว่าปรากฏตัวในปีศักราชอวกาศ (Universal Century = UC) ก็ได้ออกเป็นกันพลาซีรีส์นี้แล้ว
ปี 2003 เนื่องจากเล็งเห็นตลาดในประเทศอเมริกา หลังจากซีรีส์กันดั้มทั้งหลายได้เข้าไปฉายจนได้รับความนิยมอย่างสูง BANDAI จึงมีความคิดที่จะนำเอาคาแรคเตอร์กันดั้มเข้าไปเปิดตัวในอเมริกาบ้าง โดยทาง BANDAI นั้นเลือกที่จะทำซีรีส์ขึ้นมาใหม่ให้เหมาะกับประเทศอเมริกาซึ่งมีความนิยมใน อนิเมชั่นรูปแบบ CG โดยเฉพาะ ผลที่ได้จึงออกมาเป็นอนิเมชั่น CG เต็มรูปแบบอย่าง “SD GUNDAM FORCE” ซึ่งเป็นการนำเอาเรื่องราวของ SD GUNDAM ในญี่ปุ่นตั้งแต่ภาคอัศวินกันดั้มจนถึงมูชะกันดั้มมาปรับปรุงใหม่ และรวมกันจนกลายเป็นเรื่องใหม่ และเนื่องจากเรื่องนี้เป็นการทำออกมาเพื่อสนองตลาดในอเมริกา จึงไม่มีการทำของเล่นชุดนี้ออกมาในรูปแบบกันพลา จะมีแต่แบบของเล่นสำเร็จรูปซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศอเมริกาเท่านั้น
แม้ว่าในปีเดียวกันนี้อนิเมชั่นชุด Mobile Suit Gundam SEED จะจบลงไปแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นซีรีส์Astray ซึ่งถือได้ว่าเป็น MSV ของ SEED ก็ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อสานต่อกระแสของกันดั้มไม่ให้หยุดนิ่ง ซึ่งต้องยกย่องในความเตรียมพร้อมของ BANDAI ด้วยการกระจายสื่อและแตกเรื่องราวของกันดั้มแอสเทรย์ทั้ง 3 เครื่องอันได้แก่ Red Frame,Blue Frame และ Gold Frame ไปตามสื่อในรูปแบบต่างๆ กัน คือ ฉบับการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับ Red Frame โดยตรงใน Mobile Suit Gundam SEED Astray จะลงตีพิมพ์ในGundam ACE ,Mobile Suit Gundam SEED Astray R ลงตีพิมพ์ใน Shonen ACE, ฉบับนิยายที่เกี่ยวกับ Blue Frame โดยตรงลงตีพิมพ์ในหนังสือ The Sneaker และ นิยายซึ่งเป็นตัวเสริมเนื้อเรื่องในภาคอื่นๆ ทั้งหมดอย่าง Mobile Suit Gundam SEED Astray B ลงตีพิมพ์ในหนังสือ Dengeki Hobby Magazine ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดก็ดำเนินมาเรื่อยจนถึงภาคต่อเพื่อการฉลองครบรอบ 25 ปีของกันดั้มอย่างMobile Suit Gundam SEED Destiny ที่ออกฉายในปี 2004 นั่นเอง

ปัจจุบันนี้ กันพลา ก็ยังเป็นของเล่นยอดนิยมสำหรับคนที่รักและชอบกันดั้มไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะผ่านมาแล้วกว่า 30 ปีก็ตามซึ่ง BANDAI ก็ยังคงเข็นซีรี่ส์ต่างๆ ออกมามากมาย ทั้ง IGLOO, (OVA) Stargazer, Gundam OO, (OVA) Unicorn, บลาๆ และยังมีอนิเมชั่นเรื่อง Gunpla Builder Beginning G เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของกันดั้ม, มีการพัฒนากันพลา SD ให้เป็น BB และมีเพิ่มกันดั้มซีรี่ส์สามก๊กและ เซนโกคุ ยัง ยังไม่พอ BANDAI ยังเซอไพรซ์แฟนๆ ด้วยการสร้างกันดั้ม RX-78 ขนาดเท่าตัวจริง 1/1 ขึ้นมาอีก 1 ตัว มีความสูง 18.5 เมตร ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม 2009 และปัจจุบันได้ถูกย้ายไปตั้งที่เมืองชิซึโอกะ และแน่นอนว่า BANDAI คงไม่หยุดแค่นี้แน่ เพราะพวกเขาได้นำกันดั้ม MASTER Grade มารีเมคใหม่ โดยเพิ่มชิ้นส่วนที่เป็นเคลียร์ใสเพิ่มลงไปอีกด้วย นอกจากนี้ ยังแตกไลน์กันพลาออกมาอีก 1 เกรดซึ่งก็คือ Real Grade(RG) โดยมีโครงด้านในเหมือนกับ MG แต่มีขนาดเท่ากับ HG คือ 1/144 BAIDAI ในอนาคต ยังคงมีกันพลาออกมาขายสูบพลังชีวิตของกระเป๋าตังค์อยู่เรื่อยๆ แบบนี้ต่อไปแน่นอน
ในตอนหน้าเราจะมาแนะนำเรื่องเกรดต่างๆของกันพลา ว่ามีอะไรบ้างและแตกต่างกันอย่างไร ใครที่อยากรู้ต้องติดตามอ่านนะคะ
No comments:
Post a Comment